วันพฤหัสบดีที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2558

แบบทดสอบวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศ


........1.เทคโนโลยี หมายถึง การนำความรู้ทางธรรมชาติวิทยาและต่อเนื่องมาถึงวิทยาศาสตร์ มาเป็นวิธีการปฏิบัติและประยุกต์ใช้เพื่อช่วยในการทำงานหรือแก้ปัญหาต่าง ๆ อันก่อให้เกิดวัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือ เครื่องจักร แม้กระทั่งองค์ความรู้นามธรรม
........2.เทคโนโลยีสารสนเทศ หมายถึง การประยุกต์ใช้คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์โทรคมนาคมเพื่อจัดเก็บ ค้นหา ส่งผ่านและจัดการดำเนินข้อมูล ซึ่งมักเกี่ยวกับธุรกิจหรือองค์อื่น ๆ ศัพท์นี้โดยปกติก็แทนความหมายของเครื่องคอมพิวเตอร์และเครือข่ายคอมพิวเตอร์รวมไปถึงเทคโนโลยีการกระจายสารสนเทศอย่างอื่นด้วย
........3.คอมพิวเตอร์ หมายถึง เครื่องจักรแบบสั่งการได้ที่ออกแบบมาเพื่อดำเนินการกับลำดับตัวดำเนินการทางตรรกศาสตร์หรือคณิตศาสตร์โดยอนุกรมนี้อาจเปลี่ยนแปลงได้เมื่อพร้อม ส่งผลให้คอมพิวเตอร์สามารถแก้ปัญหาได้มากมาย
........4.กระบวนการเทคโนโลยีสารสนเทศ มีอะไรบ้าง
1.วิธีการดำเนินการ เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลและบันทึกข้อมูลให้อยู่ในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง
2.ขั้นตอนการตรวจสอบข้อมูลในลักาณะต่าง ๆ
3.วิธีการดำเนินการกระทำข้อมูลให้เป็นสารสนเทศ
4.การเก็บรักษาข้อมูลเพื่อการบริหาร
5.ขั้นตอนการดำเนินการ
6.การนำข้อมูลไปใช้ในลักษณะต่าง ๆ
........5.กระบวนการเทคโนโลยีสารสนเทศ นำมาใช้ในด้านใดบ้าง
1.ด้านการศึกษา
2.ด้านงานทะเบียนของสถานศึกษา
3.ด้านงานสรรพสินค้าและสาขาย่อย
4.ด้านงานสาธารณะสุขและการแพทย์
5.ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
6.ด้านการสื่อสารและโทรคมนาคม
7.ด้านการออกแบบผลิตภัณฑ์
8.ใช้ในสำนักงานภาครัฐและัเอกชน
........6.ทำไมจึงต้องมีการทำสำเนา (copy) เอกสารหรืองานที่สำคัญๆ
เพื่อป้องกันการสูญหายของเอกสาร หรืองานที่สำคัญหรือถ้าต้นฉบับหายงานที่เราทำสำเนาไว้จะเหมือนต้นฉบับทุกอย่าง สามารถใช้แทนกันได้

วันพฤหัสบดีที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2557

ส่วนประกอบของบล็อก

                                                             ส่วนประกอบของบล็อก

เว็บบล็อกของ  blogger มีส่วนประกอบสำคัญ 3 ส่วนได้แก่
........1.ส่วนหัวบล็อกและคำอธิบายบล็อก เป็นส่วนที่สามารถตกแต่งให้สวยงามเพื่อดึงดูดความสนใจของผู้ชมได้ด้วยรูปภาพและอักษรข้อความ
........2.ส่วนบทความเป็นส่วนที่สามารถบรรจุได้ทั้งรูปภาพและข้อความ แต่รูปไม่สามารถเปลี่ยนตำแหน่งได้ตามความต้องการ
........3.ส่วนปรับแต่งเป็นส่วนที่สามารถย้ายตำแหน่งได้ทั้งซ้ายและขวามีองค์ประกอบส่งเสริม ความยืดหยุ่นได้ดีสามารถเลือกตำแหน่งองค์ประกอบไปได้ทั้งด้านซ้ายและขวา

........การตกแต่งสีของบล็อก

สีของเว็บบล็อกเป็นองค์ประกอบสำคัญในการกระตุ้นและดึงดูดความสนใจของผู้ชมเป็นอย่างยิ่ง ช่วยสร้างทัศนคติที่ดีต่อชิ้นงาน นอกจากนี้การใช้สียังแสดงออกถึงรสนิยมของเจ้าของเว็บบล็อกเอง ด้วยเทคนิคพื้นฐานในการใช้สีกับสื่อทุกชนิดควรพิจารณา ที่เกี่ยวข้องกับสีดังนี้
........1.นิติของความกลมกลืนและตัดกัน
........2.นิติของสีโทนร้อนและสีโทนเย็น
........3.นิติของมืดและสีสว่าง
นิติของสีกลมกลืน
........1.สีกลมกลืน (Harmony) เหมะกับการใช้เนื้อหาที่มีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เป็นพวกเดียวกัน ประสานสอดคล้องกันได้ดี การใช้สีกลมกลืน เป็นการเลือกสีที่มีตำแหน่งใกล้เคียงกันในวงล้อสี หรือในจานสีที่กำหนดไว้ในคอมพิวเตอร์ เช่น  ดำ น้ำตาล แดง ส้ม เหลือง หรือ ดำน้ำเงิน เขียวแก่ เหลืองเป็นต้น สีตัดกัน (Contrast) เป็นการเลือกใช้สีที่มีตำแหน่งห่างกันในวงล้อสีหรือจานสีที่กำหนดไว้ในคอมพิวเตอร์ สีตัดกัน เหมาะกับเนื้อหาที่มีความแตกต่างกัน ขัดแย้งกัน แสดงความรุนแรง ความลึกลับ ความตื่นเต้น ตัวอย่างของสีตัดกัน เช่น แดง-เขียว แดง-ดำ แดง-น้ำเงิน ขาว-ดำ ส้ม-ดำ ม่วง-เหลือง เหลือง-ดำ ส้ม-น้ำเงิน เป็นต้น

วันพุธที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2557

                   แบบทดสอบวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศ
       จงตอบคำถามต่อไปนี้ โดยการใช้โปแกรมเสิร์ชเอนจิน สืบค้นข้อมูลบนอินเตอร์เน็ต
 1.องค์ประกอบของการสื่อสาร มี 4 ประการ คือ
       1.ผู้ส่งสาร      2.สาร     3 . สื่อ   4.ผู้รับสาร      
 2.จงบอกความหมายของ "การสื่อสารข้อมุล"              
                  การสื่อสารข้อมูล หมายถึง กระบวนการถ่ายโอนหรือเเลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างผู้รับเเละผู้ส่งโดยผ่าน ช่องทางสื่อสาร เช่น อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หรือคอมพิวเตอร์เป็นตัวกลางในการส่งข้อมูล เพื่อให้ผู้ส่งและผู้รับ เกิดความเข้าใจซึ่งกันและกัน 
3.จงยกตัวอย่างอุปรณ์ทีี่ใช้ในการสื่อสารข้อมูลทางคอมพิวเตอร์ 
   3.1 เซิร์ฟเวอร์ (Server) คือ เซิร์ฟเวอร์ (อังกฤษserver) หรือ เครื่องบริการ[1] หรือ เครื่องแม่ข่าย[2] คือ เครื่องหรือโปรแกรมคอมพิวเตอร์ซึ่งทำงานให้บริการ ในระบบเครือข่ายแก่ลูกข่าย (ซึ่งให้บริการผู้ใช้อีกทีหนึ่ง) เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ทำหน้าที่เป็นเซิร์ฟเวอร์นี้ควรจะมีประสิทธิภาพสูง มีความเสถียร สามารถให้บริการแก่ผู้ใช้ได้เป็นจำนวนมาก ภายในเซิร์ฟเวอร์ให้บริการได้ด้วยโปรแกรมบริการ ซึ่งทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการอีกชั้นหนึ่ง
   3.2 ไคลเอนต์ คือ เครื่องลูกข่ายเป็นคอมพิวเตอร์ในเขื่อค่ายที่ร้องขอบริการและเข้าถึงไฟล์ข้อมูลที่จัดเก็บในเซิร์ฟเวอร์ หรือ พูดง่าย ๆ ก็คือ ไคลเอนต์ เป็นคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้แต่ละคนในระบบเครื่อข่าย
หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า เครื่อลูกข่าย
   3.3 ฮับ (Hub) คือ  "รีพีตเตอร์ (Repeater)" คือ อุปกรณ์ที่ใช้เชื่อมต่อกลุ่มของคอมพิวเตอร์ Hub มีหน้าที่รับส่งเฟรมข้อมูลทุกเฟรมที่ได้รับจากพอร์ตใดพอร์ตหนึ่งไปยังทุก ๆ พอร์ตที่เหลือ คอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อเข้ากับ Hub จะแชร์แบนด์วิธหรืออัตราข้อมูลของเครือข่าย ฉะนั้นยิ่งมีคอมพิวเตอร์เชื่อมต่อเข้ากับ Hub มากเท่าใด ยิ่งทำให้แบนด์วิธต่อคอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องลดลง ในท้องตลาดปัจจุบันมี Hub หลายชนิดจากหลายบริษัท ข้อแตกต่างระหว่าง Hub เหล่านี้ก็เป็นจำพวกพอร์ต สายสัญญาณที่ใช้ ประเภทของเครือข่าย และอัตราข้อมูลที่ Hub รองรับได้
   3.4 เราต์เตอร์(Router) คือ เป็นอุปกรณืที่ทำหน้าที่ในเลเยอร์ที่ 3 เพื่อที่จะกำหนดและส่งแพกเกจต่อไปเราต์เตอร์จะมีตัววัดเส้นทางในแพกเกจหรือตารางจากเส้นทางนอกจากยังส่งข้อมูลไปยังเครือข่ายและยังเชื่อมต่อกับเครือข่ายอื่นได้เช่นเครือข่ายอินเตอร์เน็ต
   3.5 บริดจ์ คือ เป็นอุปกรณืที่มักจะใช้ในการเชื่อมต่อวงแลนเข้าด้วยกันทำให้สามารถขยายขอบเขตของ Lan ออกไปได้เรื่อย ๆ ใช้ในการเชื่อมต่อเครือข่ายที่แตกต่างกันในระดับ Physical และ Data Link ได้เช่น ระหว่าง Eternet กับ Toke Ring เป็นต้น
   3.6 เกตเวย์ (Gateway) คือ เป็นอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ที่เชื่อมต่อเครือข่ายต่างประเภทเข้าด้วยกัน เช่น การใช้เกตเวย์ในการเชื่อมต่อเครื่อข่าย ที่เป็นคอมพิวเตอร์ประเภท (PC) เข้ากับคอมพิวเตอร์ประเภทแมคอินทอช (MAC) เป็นต้น
  3.7 โมเดม คือ เป็นอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่กล้ำสัญญาณหรือปรับลักษณะ สมบัติอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลาย ๆ อย่างของรูปสัญญาณเคลื่อนมา (สัญญาณที่เป็นตัวขนส่งความถี่สูงด้วยสัญญาณข้อมูลที่จะถูกส่งผ่าน เช่น กระแสปิตดิจิตอล )
4. เครือข่ายชนิดใดมีขนาดใหญ่ที่สุด
  อินเทอร์เน็ต มีจุดเริ่มต้นมาจากเหตุผลทางการทหาร เนื่องจากในยุคสงครามเย็น เมื่อประมาณ  พ.ศ.2510 ระหว่างฝ่ายคอมมิวนิสต์ และฝ่ายเสรีประชาธิปไตย ซึ่งนำโดยสหรัฐอเมริกา โดยต่างฝ่าย ต่างก็กลัวขีปนาวุธ ของอีกฝ่ายหนึ่ง โดยผู้นำสหรัฐอเมริกา วิตกว่า ถ้าหากทางฝ่ายรัฐเซีย ยิงขีปนาวุธนิวเคลียร์เข้ามา ถล่มจุดยุทธศาสตร์บางจุดของตนเองขึ้นมา อาจจะทำให้คอมพิวเตอร์ ที่เชื่อมต่อกันเสียหายได้ จึงได้สั่งให้มีการวิจัย เพื่อสร้างเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ชนิดใหม่ขึ้นมา เพื่อป้องกันความเสียหาย โดยมีจุประสงค์ว่า ถ้าคอมพิวเตอร์เครื่องใดเครื่องหนึ่ง ถูกทำลาย แต่เครื่องอื่นก็จะต้องใช้งานต่อไปได้ หน่วยงานที่ทำหน้าที่ดูแลระบบเครือข่าย ในขณะนั้นมีชื่อว่า ARPA (Advanced Research Projects Agency) ดังนั้นชื่อเครือข่ายในขณะนั้น จึงถูกเรียกว่า ARPANET ต่อมาในปี พ.ศ. 2547 เครือข่ายขยายใหญ่โต เพิ่มมากขึ้น จากการระดม นักวิจัยเพื่อสร้างมาตรฐานใหม่ขึ้นมา เพื่อความเหมาะสม จึงได้มาตรฐาน TCP/IP และนอกจากประโยชน์ด้านงานวิจัย และทางทหารแล้ว ยังได้นำมาใช้ประโยชน์ทางด้านธุรกิจ และการพาณิชย์อีกด้วย ต่อมาในปี พ.ศ. 2532 ได้เปลี่ยนชื่อเป็นเครือข่ายอินเทอร์เน็ต และนำมาใช้ประโยชน์ ในการติดต่อข้อมูลข่าวสารมากมาย สำหรับในประเทศไทยได้มีการเริ่มต้นติดตั้งระบบอินเทอร์เน็ต เป็นครั้งแรกที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ เพื่อใช้ในการศึกษาของมหาวิทยาลัย โดยติดต่อกับสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย โดยเชื่อมต่อเครื่องมินิคอมพิวเตอร์ เพื่อรับส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ กับมหาวิทยาลัยเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย ในปี พ.ศ. 2530 ต่อมากระทวงวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและพลังงาน ได้มอบหมายให้ ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (NECTEC) ให้ทุนสนับสนุน แก่สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า เจ้าคุณทหารลาดกระบัง เพื่อศึกษา ถึงการเชื่อมต่อเครื่องคอมพิวเตอร์ ของมหาวิทยาลัยด้านวิทยาศาสตร์ 12 แห่งเข้าเป็นเครือข่ายเดียวกันเมื่อ พ.ศ. 2531 หลังจากนั้นจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้เป็นเกตเวย์อินเทอร์เน็ต ในประเทศไทยและเริ่มให้บริการทางอินเทอร์เน็ต เต็มรูปแบบในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2535 และต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2537 การสื่อสารแห่งประเทศไทย ร่วมลงทุนกับหน่วยงานของรัฐ และเอกชน เปิดให้บริการอินเทอร์เน็ตเชิงพาณิชย์ 2 รายคือบริษัทอินเทอร์เน็ตประเทศไทย จำกัด และบริษัท อินเทอร์เน็ต คอมเมอร์เชียล แอนด์โนว์เลจเซอร์วิส จำกัด ภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็น KSC คอมเมอร์เชียลอินเทอร์เน็ต จำกัด
5.จงบอกประโยชน์ของเครือข่ายคอมพิวเตอร์
 เครือข่ายที่ทำงานรวมกันเป็นกลุ่มงาน เรียกว่า  Workgroup  เมื่อเชื่อมโยงหลาย ๆ กลุ่มงานเข้าด้วยกันจะเป็นเครือข่ายขององค์กร  จะเป็นเครือข่ายขนาดใหญ่  สามารถประยุกต์ใช้งานได้อย่างกว้างขวางโดยเครือข่ายคอมพิวเตอร์จะเกิดการเชื่อมโยงอุปกรณ์ต่าง ๆ เข้าด้วยกันและสื่อสารถึงกันได้  เช่น
         1.  การใช้ฐานข้อมูลร่วมกัน   เครือข่ายที่ให้บริการเก็บข่าวสาร  ตัวเลขหรือข้อมูลใช้งานจะใช้ฐานข้อมูลเดียวกันได้  เช่น  ราคาสินค้า  บัญชีสินค้า  ฯลฯ
         2.  การแบ่งปันทรัพยากรในเครือข่าย  อุปกรณ์ต่าง ๆ ใช้ร่วมกันได้  เช่น  การพิมพ์เอกสารจะใช้เครื่องพิมพ์เครื่องเดียวกับคอมพิวเตอร์เครือข่ายหลายเครื่องก็ได้ เป็นต้น
          3.  การติดต่อสื่อสารระหว่างกันบนเครือข่าย  เมื่อมีการเชื่อมโยงสถานีงานเข้าด้วยกันก็จะสามารถโอนย้ายข้อมูลระหว่างกันได้  การดำเนินการต่าง ๆ ควรเป็นไปตามกฎเกณฑ์ที่ฝ่ายบริหารเครือข่ายขององค์กรได้กำหนดไว้
          4.  สำนักงานอัตโนมัติ  แนวคิดคือต้องการลดการใช้กระดาษ  หันมาใช้ระบบการทำงานด้วยคอมพิวเตอร์ที่แลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกันได้ทันที  โดยการใช้สัญญาณอิเลคทรอนิกส์แทน  จะทำให้การทำงานคล่องตัวและรวดเร็ว
              การใช้งานเครือข่ายยังมีการประยุกต์ได้หลายอย่างตั้งแต่ การโอนย้ายแฟ้มข้อมูลระหว่างกัน  การทำงานเป็นกลุ่ม  การใช้ทรัพยากรร่วมกัน  การนัดหมายการส่งงาน แม้แต่ในห้องเรียนก็ใช้เครือข่ายเพื่อการเรียนการสอน  ใช้เป็นแหล่งเรียนรู้ให้เรียกค้นข้อมูลเป็นต้น
6.นักเรียนเคยใช้วัสดุอุปกรณ์อะไร ในการสื่อสารข้อมูลบ้าง
   คลื่นวิทยุ (Radio Wave) เป็นการสื่อสารโดยใช้คลื่นวิทยุจากอุปกรณ์ไร้สายต่างๆ เช่น โทรศัพท์เคลื่อนที่ หรืออุปกรณ์ที่สามารถเปิดเข้าถึงเว็บไซต์ได้ เป็นต้น ผู้ใช้บางรายใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ในการเชื่อมต่อเพื่อใช้บริการอินเทอร์เน็ต ปัจจุบันมีเทคโนโลยีไร้สายที่ใช้คลื่นวิทยุ คือ บลูทูธ(Bluetooth) ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณโดยใช้คลื่นวิทยุระยะสั้น เหมาะสำหรับการติดต่อสื่อสารในระยะไม่เกิน 33 ฟุต การส่งสัญญาณสามารถส่งผ่านสิ่งกีดขวางได้ ทำให้เทคโนโลยีบลูทูธได้รับความนิยมสูง จึงมีการนำมาบรรจุไว้ในอุปกรณ์เทคโนโลยีสมัยใหม่ เช่น โทรศัพท์เคลื่อนที่ เครื่องพีดีเอ โน้ตบุ๊กเครื่องคอมพิวเตอร์ เครื่องพิมพ์ดิจิทัล เป็นต้น
7.จงยกตัวอย่างชนิดเครือข่ายคอมพิวเตอร์พร้อมกับระบุคุณสมบัติ
  7.1 Lan  (Local Area Network หรือ LAN) หรือ ข่ายงานบริเวณเฉพาะที่ เป็นการเชื่อมโยงเครือข่ายคอมพิวเตอร์ถึงกันทั้งหมดโดยอาศัยสื่อกลาง มีการแบ่งแยกเครือข่ายออกเป็น 2 รูปแบบการเชื่อมโยงคือ การเชื่อมโยงภายในพื้นที่ระยะใกล้หรือ แลน (LAN) และการเชื่อมโยงระยะไกลหรือแวน (WAN) โดยการเชื่อมโยงเครือข่ายแบบแลน มี 3 รูปแบบ คือ
  1. Bus มีการรับส่งข้อมูลด้วยความเร็ว 10-100 MB/sจะเชื่อมต่อกันบนสายสัญญาณเส้นเดียวกัน โดยจะมีอุปกรณ์ที่เรียกว่า T-Connector เป็นตัวแปลงสัญญาณข้อมูลเพื่อนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์และ Terminator ในการปิดหัวท้ายของสายในระบบเครือข่ายเพื่อดูดซับข้อมูลไม่ให้เกิดการสะท้อนกลับของสัญญาณ
  2. Star เป็นระบบที่มีเป็นการต่อแบบรวมศูนย์ โดยเครื่องคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องจะต่อสายเข้าไปที่อุปกรณ์ที่เรียกว่า Hub หรือ Switch โดยอุปกรณ์ที่เรียกว่า Hub หรือ Switch จะทำหน้าที่เปรียบศูนย์กลางที่ทำหน้าที่กระจายข้อมูล โดยข้อดีของการต่อในรูปแบบนี้คือ หากสายสัญญาณเกิดขาดในคอมพิวเตอร์เครื่องใดเครื่องหนึ่ง เครื่องคอมพิวเตอร์อื่นๆจะสามารถใช้งานได้ปรกติ แต่หากศูนย์กลางคือ Hub หรือ Switch เกิดเสียจะทำให้ระบบทั้งระบบไม่สามารถทำงานได้ทั้งระบบ
  3. Ring เป็นระบบที่มีการส่งข้อมูลไปในทิศทางเดียวกัน โดยจะมีเครื่อง Server หรือ Switch ในการปล่อย Token เพื่อตรวจสอบว่ามีเครื่องคอมพิวเตอร์ใดต้องการส่งข้อมูลหรือไม่และระหว่างการส่งข้อมูลเครื่องคอมพิวเตอร์อื่นๆที่ต้องการส่งข้อมูลจะต้องทำการรอให้ข้อมูลก่อนหน้านั้นถูกส่งให้สำเร็จเสียก่อน
  7.2 Wan หรือ ข่ายงานบริเวณกว้าง (Wide area network หรือ WAN) คือ ข่ายงานที่อยู่ห่างไกลกันมาก อาจจะอยู่ระหว่างเมือง หรือระหว่างประเทศ เช่น การเชื่อมต่อเครือข่ายของสำนักงานสาขาย่อยเข้ากับเครือข่ายของสำนักงานใหญ่ที่อยู่ห่างกันไกล อาจจะอยู่กันคนละที่หรือคนละเมืองกัน แต่ติดต่อกันด้วยระบบการสื่อสารทางไกลความเร็วสูง หรือโดยการใช้การส่งสัญญาณ ผ่านดาวเทียมเพื่อเชื่อมโยงคอมพิวเตอร์ให้ติดต่อถึงกันได้ ข่ายงานแต่ละข่ายงานจะอยู่ห่างกันประมาณ 2 ไมล์ซึ่งไกลกว่า ข่ายงานบริเวณเฉพาะที่ แลน ที่อาจอยู่ภายในอาคารหรือบริเวณมหาวิทยาลัยเดียวกัน แวนไร้สาย (wireless wide area network) ข่ายงานบริเวณกว้างไร้สาย
7.3 Man ย่อมาจากคำว่า (Metropolitan Area Wetwork)
-ระบบเครือข่ายขนาดกลาง เป็ระบบเน็ตเวิร์กที่ต้องอาศัยโครงข่ายการสื่อสารขององค์การโทรศัพท์หรือการสื่อสารแห่งประเทศไทย เพราะเป็นการติดต่อกันในระดับเขต แต่เป็นระบบเน็ตเวิร์กในระยะไม่เกิน 50 กิโลเมตร
7.4  Pan คือ “ระบบการติดต่อสื่อสารไร้สายส่วนบุคคล” ย่อมาจาก Personal Area Network หรือเรียกว่า BluetoothPersonal Area Network (PAN)คือเทคโนโลยีการเข้าถึงไร้สายในพื้นที่เฉพาะส่วนบุคคล โดยมีระยะทางไม่เกิน 1เมตร และมีอัตราการรับส่งข้อมูลความเร็วสูงมาก (สูงถึง 480 Mbps) ซึ่งเทคโนโลยีที่ใช้กันแพร หลาย ก็เช่น• Ultra Wide Band (UWB) ตามมาตรฐาน IEEE 802.15.3a• Bluetooth ตามมาตรฐาน IEEE 802.15.1• Zigbee ตามมาตรฐาน IEEE 802.15.4เทคโนโลยีเหล่านี้ใช้สำหรับการติดต่อสื่อสารระหว่างคอมพิวเตอร์และ อุปกรณ์ต่อพ่วง(peripherals) ให้สามารถรับส่งข้อมูลถึงกันได้ และยังใช้สำหรับการรับส่งสัญญาณวิดีโอที่มีความละเอียดภาพสูง (high-definition video signal) ได้ด้วยPersonal Area Network (PAN)ช่วยให้เราสามารถจัดการข้อมูลระหว่างอุปกรณ์ต่างๆที่เคลื่อนที่ไปมาได้ อย่างหลากหลายคิดค้นโดยนักวิจัยของ MIT รวมกับIBM โดยจะสร้างกระแสไฟฟ้าแรงต่ำ (ระดับพิโคแอมป ) ออกไปตามผิวหนังโดยเครื่องรับสัญญาณตามจุดต่างๆ ของร่างกายสามารถรับสัญญาณได้ เทคโนโลยีนี้จะเหมาะกับการใช้งานทางการแพทย์ เพราะอุปกรณ์ โดยมากจะมีการติดตั้งตามลำตัวมนุษย์พัฒนาโดย Bluetooth Special Interest Group
7.5 Can ( controller area network ) เป็นโพรโตคอลในการติดต่อสื่อสารโดยออกแบบมาเพื่อรถหรือพาหนะเป็นหลักโดยในการติดต่อสื่อสารของ CAN จะใช้คู่สัญญาณสองเส้นคือ CANH และ CANL
สำหรับผู้ที่อยู่ในอุตสาหกรรมรถยนต์อาจจะเคยได้ยินมาบ้าง เพราะมีการนำมาใช้ในรถยนต์อย่างหลากหลาย


7.6 San (Storage Area Network) เป็นระบบการจัดเก็บข้อมูลโดยมีการแยก disk ออกมาจาก server หลักเพื่อการทำงานที่เร็วขึ้น เนื่องจากสามารถใส่ disk ได้เยอะ มีหน่วยประมวลผลในตัวเอง และลดข้อจำกัดเรื่องการขยายพื้นที่หรือการใช้ resource (disk) ร่วมกัน รวมถึงมีการนำ Storage เหล่านี้มาทำ emulate เป็น Virtual Tape เพื่อใช้ในการ backup ข้อมูลที่เร็วกว่า Tape ทั่วๆ ไป

7.7 Intranet คือ ระบบเครือข่ายภายในองค์กร เป็นบริการ และการเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์เหมือนกับInternet แต่จะเปิดให้ใช้เฉพาะสมาชิกในองค์กรเท่านั้น เป็นการจำกัดขอบเขตการใช้งาน ดังนั้นระบบอินเทอร์เน็ตในองค์กร ก็คือ "อินทราเน็ต" นั่นเอง บางครั้งถูกเรียกว่า Campus network, Local internet, Enterprise network เป็นต้น 
    ความแตกต่างที่ชัดเจนระหว่างเครือข่ายอินทราเน็ต กับเครือข่ายอินเทอร์เน็ต คือ อินเทอร์เน็ตเป็นเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่ครอบคลุมทั้งโลก อินเทอร์เน็ตไม่มีใครเป็นเจ้าของอย่างแท้จริง และไม่มีใครสามารถควบคุมเครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้ แต่สำหรับเครือข่ายอินทราเน็ตมีเจ้าของแน่นอน และถูกควบคุมโดยองค์กรหรือบุคคลผู้เป็นเจ้าของ 
ในการใช้งานเราสามารถเชื่อมต่ออินทราเน็ตของเรากับอินเทอร์เน็ต เราก็สามารถใช้ได้ทั้ง อินเทอร์เน็ต และ อินทราเน็ต ไปพร้อม ๆ กัน แต่ในการใช้งานนั้นจะแตกต่างกันด้านความเร็ว ในการโหลดไฟล์ใหญ่ ๆ จากเว็บไซต์ในอินทราเน็ต จะรวดเร็วกว่าการโหลดจากอินเทอร์เน็ตมาก ดังนั้นประโยชน์ที่จะได้รับจากอินทราเน็ต สำหรับองค์กรหนึ่ง คือ สามารถใช้ความสามารถต่าง ๆ ที่มีอยู่ในอินเทอร์เน็ตได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
7.8 Extranet เป็นเครือข่ายส่วนตัวที่ใช้ internet protocol และระบบการสื่อสารสาธารณะที่มีความปลอดภัยในการแบ่งส่วนของสารสนเทศ หรือ การปฏิบัติงานของบริษัทกับผู้ขายสินค้า หุ้นส่วน ลูกค้า หรือธุรกิจอื่น extranet สามารถมองเห็นส่วนของ internal ที่มีขยายไปสู่ผู้ใช้ภายนอกบริษัท ซึ่งสามารถให้คำจำกัดความเป็น "สถานะของภายใน" ในขณะที่อินเตอร์เน็ตได้รับการพิจารณาว่าเป็นการทำธุรกิจกับบริษัทอื่น และการขายสินค้าให้ลูกค้า โดยใช้ประโยชน์จาก HTML, Hypertext Transfer Protocol (HTTP) , Simple Mail Transfer Protocol (SMTP) และเทคโนโลยีของอินเตอร์เน็ตที่ได้นำเข้าสู่อินเตอร์เน็ต หรือ intranet ที่ดูเหมือนได้รับการออกแบบในเชิงธุรกิจระหว่างธุรกิจต่างๆ extranet ต้องการความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว ทำให้ต้องการ firewall server ในการบริหารการจ่ายและใช้ของ digital certificate หรือวิธีคล้ายกันของ user authentication, การ encryption ข่าวสาร และการใช้เครือข่ายส่วนตัวเสมือน (virtual private network) ที่เป็นช่องทางในเครือข่ายสาธารณะ
7.9 Internet หมายถึง เครือข่ายคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ ที่มีการเชื่อมต่อระหว่างเครือข่ายหลาย ๆ เครือข่ายทั่วโลก โดยใช้ภาษาที่ใช้สื่อสารกันระหว่างคอมพิวเตอร์ที่เรียกว่า โพรโทคอล (protocol) ผู้ใช้เครือข่ายนี้สามารถสื่อสารถึงกันได้ในหลาย ๆ ทาง อาทิ อีเมล เว็บบอร์ด และสามารถสืบค้นข้อมูลและข่าวสารต่าง ๆ รวมทั้งคัดลอกแฟ้มข้อมูลและโปรแกรมมาใช้ได้

วันพุธที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

Weblog คืออะไร

........Blog มาจากคำว่า World Wide Web หมายถึง เครือข่ายคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ที่เชื่อมโยงทั่วโลกกับคำว่า log แปลว่าบันทึกรวมกันเป็น Weblog เรียกสั้นๆว่า Blog เป็นเว็บไซค์พันธ์ใหม่ที่กำลังได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายทั่วโลก ประยุกต์ให้เกิดประโยชน์ได้กับงานแทบทุกวงการ
........Weblog ได้รับความนิยมสูงทั่วโลก จึงมีหลายบริษัทที่คิดค้น สร้างสรรค์องค์ประกอบต่างๆ ที่ใช้ในการตกแต่ง Weblog ให้สวยงามโดยการเขียนโค้ดและสคริปต่างๆ เช่น คน การ์ตูน สัตว์ พืช ดอกไม้ สิ่งของต่างๆทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว สามารถนำมาใช้งานได้ทันทีโดยไม่ต้องมีความรู้ในการเขียนโปรแกรม ช่วยให้การสร้างสรรค์ Weblog สะดวกและง่ายขึ้นเพียงแค่คัดลอกโค้ดมาวาง ใน Weblog ของตนเอง รูปภาพนั้นก็จะแสดงทันที
........ข้อดีของ Weblog มีหลายประการคือ
........1.ใช้เป็นเว็บส่วนตัวหรือเว็บสาธารณะก็ได้
........2.ๆม่ต้องใช้ความรู้คอมพิวเตอร์ขั้นสูงก็สามารถทำได้

........3.ไม่ต้องขอพื้นที่บนเครื่อข่ายอินเตอร์เน็ตเหมือนเว็บไซต์ทั่วไป
........4.สามารถบรรจุภาพนิ่ง เสียง และภาพเคลื่อนไหวเหมือนเว็บไซต์ทั่วไปได้
........5.สามารถใช้งานหรือปรับแต่งให้สวยงามได้ด้วยตนเอง
........6.นำมาประยุกต์ใช้กับการเรียน การสอนได้ดี
........7.สำหรับ Weblog ของ Blogger สามารถบรรจุบทความได้มากถึง 999 บทความ
........8.สามารถแท็กองค์ประกอบต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์กับการทำงานได้หลายอย่าง เช่น ตัวเลขนับผู้ชม ( Counter ) กระดานข่าว ( Web board ) สไลด์ ( Slides ) คลิปวิดีทัศน์ ( Video Clip ) เป็นต้น
........9.สามารถกำหนดผู้ชมได้ตามที่ต้องการ
........10.สามารถเชื่อมโยงเว็บไซต์อื่นๆ ได้ตามต้องการ

........วัตถุประสงค์การใช้ Weblog เพื่อการเรียนการสอน
........การใช้ Weblog เพื่อการเรียนการสอนมีวัตถุประสงค์ ดังนี้
........1.เพื่อกระตุ้นความสนใจของผู้เรียน
........2.เพื่อเป็นแหล่งรวบรวมเนื้อหา บทเรียน
........3.เพื่อเป็นแหล่งสื่อในการแลกเปลี่ยน เรียนรู้กับบุคคลอื่น
........4.เพื่อการติดตามการปฏิบัติงานของผู้เรียน
........5.เพื่อเป็นสื่อในการเผยแพร่ ผลงานของผู้เรียน
........6.เพื่อเป็นสื่อเชื่อมโยงในการศึกษาค้นคว้ากับเว็บไซต์อื่น ๆ
........7.เพื่อความสนุก เพลิดเพลินของผู้เรียน
........8.เพื่อฝึกทักษะในการใช้คอมพิวเตอร์ในการแสวงหาแหล่งเรียนรู้ต่าง ๆ